155 จำนวนผู้เข้าชม |
เป็นเรื่องธรรมดาที่ของใช้เมื่อเวลาผ่านไปจะเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งาน เช่นเดียวกับเจ้าเครื่อง UPS (Uninterruptible Power Supply) ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำรองไฟที่ช่วยจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องในกรณีไฟฟ้าดับหรือเกิดปัญหากับไฟฟ้าหลัก
ด้วยหน้าที่สำคัญของมัน ที่เกิดมาเพื่อ สำรองไฟ, ป้องกันไฟกระชาก, หรือ ควบคุมแรงดันไฟ จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่หลายบ้าน ตึกอาคาร และโรงงานต่างไว้ใจ อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่ของ UPS ไม่ได้คงทนถาวร โดยทั่วไปมีอายุการใช้งาน 2-5 ปี จากนั้นจะค่อยๆเสื่อมสภาพลง ทางที่ดีเรามาเช็คกันตั้งแต่เนิ่นๆดีกว่าค่ะ
เมื่อแบตเตอรี่ UPS เริ่มเสื่อมสภาพ การใช้งานของเครื่องสำรองไฟจะไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม แล้วเราจะสังเกตได้อย่างไรว่าแบตเตอรี่ถึงเวลาต้องเปลี่ยน? Maxi Power Plus ได้รวบรวมวิธีสังเกตที่ใครๆ ก็สามารถตรวจสอบได้ดังนี้:
1. ไฟสถานะแจ้งเตือนแบตเตอรี่
ไฟแสดงสถานะบน UPS จะแจ้งเตือนเมื่อแบตเตอรี่เริ่มมีปัญหา เช่น ไฟกระพริบหรือไฟสีแดงที่สื่อถึงความผิดปกติ
2. เวลาในการสำรองไฟลดลง
หาก UPS เคยสำรองไฟได้ประมาณ 15 นาที แต่ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 3-5 นาที นี่เป็นสัญญาณชัดเจนว่าแบตเตอรี่เสื่อมสภาพและไม่สามารถเก็บพลังงานได้ต่อไป
3. เสียงเตือนบ่อยจาก UPS
UPS บางรุ่นจะมีเสียงเตือนเป็นระยะเมื่อพบปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่
4. ไม่สามารถเปิดเครื่อง UPS ได้เมื่อไฟดับ
ในกรณีนี้ คือ แบตเตอรี่ได้เสื่อมจนหมดสภาพแล้ว จนจ่ายไฟสำรองให้กับอุปกรณ์ไม่ได้เลยค่ะ
ก่อนจะลุยเปลี่ยนแบต UPS ด้วยตัวเอง เรามาเตรียมอุปกรณ์และตรวจสอบความพร้อมกันก่อนค่ะ บอกเลยว่าการเปลี่ยนแบตเองไม่ใช่เรื่องยาก แต่ความปลอดภัยจะต้องมาก่อน!
ตรวจสอบรุ่นและความจุแบตเตอรี่ เช่น แบตเตอรี่ขนาด 12V/7Ah
อันนี้สำคัญมาก! ปิดเครื่อง UPS และถอดปลั๊กออกจากไฟบ้าน ไม่งั้นอาจจะเกิดอันตรายได้ค่ะ
มาถึงขั้นตอนสำคัญ! อย่าลืมว่าทุกขั้นตอนอาศัยความระมัดระวังด้วยนะคะ มาทำตามทีละข้อไปพร้อมกันค่ะ!
1. ปิดเครื่อง UPS
เริ่มต้นด้วยการปิดสวิตช์ UPS และถอดปลั๊กออกจากไฟบ้านให้เรียบร้อยก่อน เพื่อความปลอดภัย อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟทุกอย่างดับสนิทแล้วค่ะ
2. เปิดฝาเครื่อง
ใช้ไขควงถอดน็อตที่ยึดฝาครอบแบตเตอรี่ออก UPS บางรุ่นอาจมีฝาเล็กๆ ด้านหลังหรือด้านล่าง เปิดให้เรียบร้อย ระวังอย่าให้ไขควงโดนขั้วไฟนะคะ
3. ถอดแบตเก่าออก
เมื่อเห็นแบตเตอรี่แล้ว ให้เริ่มถอดสายเชื่อมต่อที่ขั้วแบตออก โดยเริ่มจาก ขั้วลบ (-) ก่อนเสมอค่ะ เพื่อป้องกันการลัดวงจร จากนั้นค่อยถอดขั้วบวก (+) ระวังอย่าให้ขั้วทั้งสองแตะกันนะคะ
4. ใส่แบตใหม่
วางแบตใหม่ในตำแหน่งเดิม เชื่อมต่อสายไฟกลับ โดยเริ่มที่ ขั้วบวก (+) ก่อน แล้วตามด้วย ขั้วลบ (-) ให้แน่นหนา อย่าลืมตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อถูกต้องตามตำแหน่งค่ะ
5. ปิดฝาและทดสอบเครื่อง
ใส่ฝาครอบกลับที่เดิม ยึดน็อตให้แน่น เปิดเครื่อง UPS และทดสอบการทำงาน ลองเสียบปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าดูว่าสำรองไฟได้ตามปกติหรือไม่
หากลูกค้าติดปัญหาตรงไหน ไม่ว่าจะเป็นเลือกแบตไม่ถูก หรือเปลี่ยนแล้วเครื่องไม่ทำงาน สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ Maxi Power Plus ได้ตลอดเลยค่ะ พวกเราพร้อมช่วยเหลือทุกขั้นตอน นอกจากนี้ หลังจากเปลี่ยนแบตเรียบร้อยแล้ว แนะนำให้ ชาร์จ UPS ทิ้งไว้ประมาณ 8-12 ชั่วโมง เพื่อให้แบตใหม่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เมื่อ UPS เริ่มมีปัญหา หลายคนอาจลังเลว่าจะเปลี่ยนแบตหรือซื้อใหม่ดี? จริงๆ แล้ว ถ้าระบบภายใน UPS ยังคงทำงานได้ดี การเปลี่ยนแบตเตอรี่ถือเป็นทางเลือกที่ประหยัดและคุ้มค่ากว่าเยอะค่ะ ที่ Maxi Power Plus เรามีแบตเตอรี่คุณภาพสูงรองรับทุกขนาด UPS พร้อมบริการเปลี่ยนแบตถึงที่ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย นอกจากนี้ หากท่านใดไม่สะดวกเปลี่ยนแบต ups เอง เรายังมีบริการซ่อมบำรุง UPS เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ทีมงานผู้เชี่ยวชาญเราพร้อมให้คำปรึกษาตลอด! สนใจสอบถามเพิ่มเติมหรือดูสินค้าของเราได้เลยที่ maxipowerplus.com หรือโทรหาทีมงานได้ทุกเวลา