แบตเตอรี่ UPS เป็นอุปกรณ์สำคัญในการสำรองพลังงานไฟฟ้าเมื่อเกิดไฟฟ้าดับหรือกระแสไฟฟ้าผันผวน อย่างเช่น ระบบคอมพิวเตอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการเปิดใช้งานอยู่เสมอ แน่นอนว่าหากใช้ไปนาน ๆ แบต UPS เสื่อม ก็ต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ไม่ใช่แค่การใช้งานที่สมบุกสมบันเท่านั้น ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้แบต ups เสื่อม
คุณกำลังทำให้ แบต UPS เสื่อม อยู่หรือเปล่า ?
- ตั้งอุปกรณ์ไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงจนเกินไป ทำให้แบต UPS ร้อนขึ้นได้ไวกว่าเดิม
- ปล่อยให้แบต UPS หมดอยู่บ่อย ๆ และนำไปใช้งานตอนที่แบตยังยังชาร์จไม่เต็ม
- เกิดการกระชากไฟบ่อย ทำให้แบต UPS ต้องทำงานหนักเพื่อรักษาความเสถียรของอุปกรณ์
- เชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าสูงเกินกำลังที่แบต UPS จะรองรับได้ ทำให้แบต UPS ทำงานหนักเกินไป
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า แบต UPS เสื่อม แล้ว ?
มาดู 6 วิธีเช็ค แบต UPS เสื่อม ที่คุณก็สามารถเช็คเองได้ด้วยตัวเองกัน!
วิธีเช็คแบต UPS เสื่อม
1.ลองถอดปลั๊กออก
วิธีที่ง่ายที่สุดในวิธีเช็คแบต UPS เสื่อม คือ ให้คุณลองถอดปลั๊กไฟหลักออกจากแบต UPS เพื่อดูว่าเครื่องยังสำรองไฟอยู่มั้ย และดูว่าแบต UPS สามารถทำงานได้เองโดยใช้แค่พลังงานจากแบตเตอรี่ได้นานเท่าไร
ถ้าหากลองแล้วเครื่องดับ ทำงานได้เพียงไม่กี่นาที นั่นก็แสดงว่า แบต UPS เสื่อมแล้วล่ะ อาจจะส่งเคลมถ้ายังอยู่ในช่วงระยะเวลาประกัน หรือส่งเข้าศูนย์ให้ทางผู้เชี่ยวชาญเช็คสภาพได้
2.สังเกตเวลาสำรองไฟ
หากแบต UPS ที่คุณเคยใช้สำรองไฟได้หลายชั่วโมง แต่ตอนนี้กลับสำรองไฟได้สั้นลงจนผิดปกติ หรือไม่สำรองไฟแล้วดับทันทีเมื่อไฟดับ นี่ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าแบต UPS เสื่อมสภาพแล้ว
3.สัญญานเตือนจากตัวเครื่อง
หากเครื่องสำรองไฟเกิดมีเสียงดังและดับลงเอง หรือว่าลองถอดปลั๊กออกแล้วเครื่องมีเสียงร้องแจ้งเตือนพร้อมไฟสถานะกระพริบแจ้งเตือนขึ้นมาแล้วเครื่องดับ สัญญานเตือนเหล่านี้กำลังบอกคุณว่าแบตเริ่มจะเสื่อมแล้วนะ
4.แบต UPS บวม
ข้อนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกชัดเจนเลยว่าแบตเตอรี่มีปัญหาแล้ว ควรหยุดใช้งานทันทีและจัดการเปลี่ยนให้เร็วที่สุด เพราะแบต UPS ที่บวมอาจเกิดจากการเสื่อมสภาพภายใน หรือการทำงานที่ผิดปกติของแบต ซึ่งอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์อันตรายได้ เช่น การรั่วไหลของสารเคมีหรือการระเบิด
สาเหตุที่ทำให้แบต UPS เสื่อม
มีหลายสาเหตุทั้งภายในและภายนอกที่ส่งผลให้แบต UPS เสื่อม โดยสาเหตุหลัก ๆ ก็คือ
- อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ UPS ที่อาจจะผ่านการใช้งานมานาน และแบต UPS มีอายุการใช้งานที่จำกัดจำกัดอยู่ที่ราว ๆ 2 - 5 ปี ( ระยะเวลานี้ขึ้นอยู่กับประเภทและคุณภาพของแบตเตอรี่ ) เมื่อมีการใช้งานครบอายุ แบตก็จะเสื่อมตามธรรมชาติ
- มีการใช้งานแบต UPS ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป หรือเก็บแบตไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิร้อนเกินไป จะทำให้แบต UPS ร้อนเร็ว ซึ่งสาเหตุนี้จะส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่โดยตรง แนะนำว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานแบต UPS ควรอยู่ในช่วง 20-25 องศาเซลเซียสนะ
- ใช้งานเกินพิกัดของแบตเตอรี่ UPS หากคุณเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าสูงเกินกำลังที่แบต UPS จะรองรับได้ จะทำให้แบต UPS ทำงานหนักเกินไป ส่งผลให้แบต UPS เสื่อมเร็ว
- เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ไฟกระชากบ่อย ๆ หรือมีไฟฟ้าจ่ายเข้ามายังอุปกรณ์ไม่สม่ำเสมอ จะทำให้ตัวแบต UPS ทำงานหนักเพื่อรักษาความเสถียร สิ่งนี้ก็ทำให้แบต UPS เสื่อมเร็วขึ้น
- คุณภาพของแบตเตอรี่ไม่ได้มาตรฐาน หากเลือกใช้ก็มักจะมีอายุการใช้งานที่สั้นและแบตเสื่อมเร็วกว่าแบตเตอรี่คุณภาพ
การยืดอายุการใช้งานแบต UPS
- อย่าลืมปิดเครื่อง : เมื่อสิ้นสุดการใช้งานในแต่ละวัน ควรปิดเครื่องสำรองไฟทุกครั้ง เพื่อให้แบตเตอร์รี่มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น
- ชาร์จแบตเตอรี่เป็นประจำ : ไม่ควรปล่อยให้แบต UPS หมดจนดับบ่อยครั้ง และควรให้แบต UPS มีการชาร์จไฟอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากไม่ได้ชาร์จจนเต็ม ความจุของแบตเตอรี่จะลดลงหรืออาจเสียหายได้ ฉะนั้นเมื่อแบตหมด ควรจะรีบชาร์จใหม่ในทันที
- เลือกที่ตั้งที่มีอุณหภูมิเหมาะสม : ควรเก็บแบต UPS ในที่ที่มีอุณหภูมิประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส หากอากาศร้อนเกินไปก็จะทำให้แบตเสื่อมเร็ว หากอากาศเย็นเกินไปก็จะทำให้ความจุของแบต UPS ลดลงได้ นอกจากนั้นควรเลือกที่ที่สะอาด ไม่โดดแดด อากาศถ่ายเทและไม่ชื้นก็จะดีมากครับ
- ตรวจเช็คอุปกรณ์เป็นประจำ : ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ สภาพสายไฟชำรุดหรือไม่ แบต UPS มีอาการบวม ร้อน ไหม้หรือเปล่า หากมีสิ่งผิดปกติ ควรรีบส่งให้ศูนย์หรือที่จัดจำหน่ายเข้าเช็คสภาพ เพื่อการใช้งานที่เต็มประสิทธิภาพและใช้ได้อีกยาวนาน